ออกแบบบ้าน
ออกแบบบ้าน 7 วิธีออกแบบบ้านเอง ให้สวยตรงใจ ใช้งานได้จริง หลักเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนลงมือสำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์การออกแบบบ้านและแปลนบ้านถือเป็นเรื่องยากมาก เพราะนอกจากจะต้องคำนึงถึงความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานแล้ว ยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่น่าปวดหัวอีกต่างหาก ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังจะออกแบบบ้านด้วยตัวเองและกำลังมองหาแรงบันดาลใจอยู่ วันนี้รวบรวมเคล็ดลับการออกแบบบ้านอย่างมีประสิทธิภาพมาฝาก รับรองรู้ไว้ช่วยให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้ แถมต้องได้บ้านที่สวยงามตรงตามใจแน่นอน
1. เลือกประเภทที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับสมาชิก
ไม่ใช่ว่าทุกครอบครัวจะต้องการบ้านขนาดใหญ่ และก็ไม่ใช่ว่าทุกครอบครัวจะเหมาะกับบ้านขนาดเล็ก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนจะออกแบบบ้าน คือ การเลือกประเภทที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโด โดยลองพิจารณาดูว่า ควรจะพื้นที่เท่าไรถึงจะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของทุกคน เพื่อนำไปคำนวนต่อว่าภายในที่พักอาศัยของเราควรมีห้องนอนเท่าไร ห้องน้ำเท่าไร และเพิ่มเติมส่วนไหนบ้าง
2. ให้ความสำคัญกับเลเอาต์เป็นอันดับแรก
หลักจากเลือกประเภทที่อาศัยได้แล้ว ควรให้ความสำคัญกับแปลนบ้านก่อนการตกแต่ง เพราะแม้บ้านจะสวยงาม แต่ถ้าหากไม่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นใครที่กำลังจะออกแบบบ้านแล้วละก็ ควรออกแบบแปลนบ้านให้เสร็จก่อน โดยพิจารณาว่าจะวางตำแหน่งแต่ละห้องอย่างไร ระหว่างพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ส่วนตัว อยู่ติดกันได้หรือแยกคนละโซนไปเลนดีกว่า เพื่อป้องกันเสียงรบกวน หรือห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว ห้องครัว กั้นผนังดีไหม หรือออกแบบแบบ Open Plan ดีกว่า
3. ตกแต่งให้สอดคล้องกับพื้นที่
หลังจากเลือกแปลนบ้านที่ต้องการได้แล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการตกแต่ง ซึ่งควรเลือกให้สอดคล้องไปกับพื้นที่ ขนาด และการจัดวางแปลนบ้าน เช่น หากภายในบ้านค่อนข้างเล็ก ควรเลือกการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เพราะทั้งโทนสีและการออกแบบในสไตล์นี้จะช่วยให้ภายในบ้านดูกว้างขวาง สว่าง บรรรยากาศปลอดโปร่ง มากกว่าสไตล์เทรดิชันนอลหรือบ้านแบบดั้งเดิม ที่มักจะใช้ผนังกั้นห้องแบ่งพื้นที่ ซึ่งจะทำให้บ้านที่มีขนาดเล็กอยู่แล้วยิ่งดูแคบลง
4. คำนึงถึงข้อดี-ข้อเสียของแต่ละจุด
เมื่อได้แบบบ้านที่ถูกใจแล้ว ก็อย่าเพิ่งลงมือทันที ลองพิจารณาถึงข้อดี-ข้อเสียของแต่ละจุดสักรอบ เช่น หากเป็นคนชอบหน้าต่างบานใหญ่ ๆ เพราะอยากให้บ้านสว่างและมองเห็นวิวด้านนอกแล้ว อย่าลืมดูด้วยว่าตรงกับทิศแดดหรือไม่
5. ตั้งงบประมาณให้ชัดเจน
อีกหนึ่งปัญหาการตกแต่งบ้านที่หลายคนมักจะเจอก็คือ ซื้อของเข้าบ้านเพลินจนเกินไปงบ เพราะอยากได้ไปหมดทุกอย่าง ยิ่งหาก็ยิ่งเจอของที่ถูกใจ แปลนบ้านฉะนั้นควรตั้งงบประมาณที่จะใช้ให้ชัดเจนและพยายามควบคุมให้อยู่ในวงเงินที่กำหนดเอาไว้ ป้องกันไม่ให้งบบานปลายหรือเกินได้นิดหน่อยแต่ไม่มากจนเกินไป ที่สำคัญอย่าลืมทำบัญชีเอาไว้ด้วย จะได้รู้ว่าใช้จ่ายกับอะไรไปบ้าง และสามารถลดตรงไหนช่วยประหยัดได้อีก
6. ถามความเห็นจากผู้รู้
ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาที่จะตามมาภายหลัง ควรปรึกษาหรือถามความเห็นจากคนที่อยู่แวดวงการออกแบบ อาจจะเป็นคนรู้จักที่มีประสบการณ์หรือผู้เชี่ยวชาญอย่าง สถาปนิกหรืออินทีเรียเพิ่มเติมด้วย เพราะพวกเขาเหล่านี้มีความรู้ความในเชิงลึก สามารถให้คำปรึกษาได้รอบด้าน รวมถึงการปรับและแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ เพื่อให้บ้านเหมาะสมกับเราและน่าอยู่ยิ่งขึ้น
7. เชื่อสัญชาตญาณตัวเองบ้าง
เพราะการออกแบบบ้านไม่มีผิด ไม่มีถูก ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือความเหมาะสมและความต้องการ นอกจากวิธีการออกแบบที่กล่าวมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตามเป๊ะ ๆ ทุกข้อ บางอย่างอาจจะดูนอกกรอบไปบ้าง แต่ถ้าลองพิจารณาดูแล้วว่าเป็นสิ่งที่เราชอบและเข้ากับลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน ให้เชื่อสัญชาตญาณและทำตามความต้องการของตัวเองบ้าน หรือพูดง่าย ๆ ว่า ถ้ารู้สึกว่าใช่ ก็คือใช่ ไม่จำเป็นต้องอิงตามใคร ตามตำราปลูกเรือนตามใจผู้อยู่นั่นเอง
การออกแบบบ้านมีหลาย ๆ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นนอกจากเรื่องการตกแต่งที่สวยงามตามใจชอบแล้ว ก็อย่าลืมคำนึงถึงจำนวนสมาชิกในบ้าน ลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน รวมถึงความสะดวกสบายต่าง ๆ ด้วยนะคะ เพื่อให้บ้านเป็นบ้านที่น่าอยู่อย่างแท้จริง และจะได้ไม่ต้องตามแก้ไขทีหลัง
6 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะเป็นแนวทางสู่บ้านในฝัน
หากผู้อ่านต้องการสร้างบ้านหลังใหญ่เน้นความสวยงาม การออกแบบด้วยสถาปนิกนั้นนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างบ้าน สถาปนิกที่เก่ง จะช่วยแก้ปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยให้บ้านของเราสวยงาม มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่หากต้องการสร้างบ้านหลังเล็ก เน้นการอยู่อาศัยอย่างง่าย การออกแบบบ้านด้วยตนเองเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ จุดสำคัญคือการสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้ทราบถึงความต้องการของเราเอง และวิธีการสื่อสารที่ง่ายที่สุดในการสร้างบ้าน นั่นคือการวาดแปลนบ้านนั่นเองครับ สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำหลักการออกแบบบ้านด้วยตนเองอย่างง่าย โดยจะเน้นไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมกับวาดผังแปลนภายในบ้านด้วยตนเอง เพื่อนำแปลนดังกล่าวไปให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรืออาจส่งต่อให้สถาปนิกเขียนแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแปลนบ้านใช้งานจริงกันครับ
สำรวจที่ดิน : ก่อนจะถึงขั้นตอนการออกแบบบ้าน สิ่งแรกที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการศึกษาแปลงที่ดินของเราเองให้ละเอียด ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ทิศไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจทิศทางนี้เพื่อที่จะให้เราได้วางผังบ้านได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ ลมและแสงแดด ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาดและรูปทรงของบ้าน เช่น มีที่ดิน 40 ตร.ม. แต่ต้องการพื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม แน่นอนว่าจะต้องออกแบบเป็นบ้าน 2 ชั้นเท่านั้น และการออกแบบจะต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นตามกฎหมายกำหนดไว้ (อ่านกฎหมายระยะร่น)แปลนบ้าน
1. กำหนดสไตล์ : การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการกำหนดขอบเขต เป้าหมาย เพื่อให้จินตนาการของความต้องการมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผู้อ่านอาจขับรถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ พักรีสอร์ท เยี่ยมบ้านเพื่อน หรือหากให้สะดวกหน่อยก็เพียงคลิกเข้าชมเว็บไซต์บ้านไอเดีย ตัวอย่างบ้านเหล่านี้เราสามารถนำมาประยุกต์ กำหนดแนวทางการออกแบบบ้านในฝันของเราได้ แต่ต้องขอย้ำให้ทราบกันก่อนว่า เราสามารถนำดีไซน์มาประยุกต์ใช้ได้
แต่ไม่สามารถไปลอกแบบได้นะครับ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือเจ้าของแบบโดยตรง โดยปกติแล้วสไตล์ของบ้านมีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งไทยประยุกต์ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรืออาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างประเทศ เช่น บ้านสไตล์ทัสคานี เป็นต้น ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องมีส่วนประกอบที่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ เราอาจผสมผสานรวมแต่ละสไตล์
เลือกจุดที่ชอบนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้กลายเป็นสไตล์ของเราเองได้เช่นกันครับ พบเจอที่ไหน ถ่ายภาพเก็บไว้ หรือหากชอบตัวอย่างแบบบ้านในเว็บ ก็อาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลเจอ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี นอกจากความชื่นชอบส่วนตัวแล้ว สถานที่ก่อสร้างเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรออกแบบบ้านให้เหมาะสม สอดคล้องหรือดูเข้ากับสถานที่ ชุมชนที่อยู่อาศัยด้วยครับ
2. เขียนความต้องการลงไป : ก่อนการออกแบบสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือการวิเคราะห์ความต้องการ ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องพูดคุยกันทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉลียง ชานระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ เป็นคนชอบทำครัวหรือไม่ ห้องนั่งเล่น ห้องดูทีวี ห้องทำงาน โจทย์เหล่านี้แต่ละบ้านย่อมมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะความต้องการหลักพื้นฐาน เช่น จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ เป็นต้น
ตัวอย่างความต้องการ
คุณแอนทำงานที่ ม.แม่ฟ้าหลวง ต้องการสร้างบ้านใหม่เพื่อให้ใกล้กับที่ทำงาน โดยปกติอยู่อาศัยเพียงคนเดียว แต่จะมีวันพิเศษที่พ่อแม่มาเยี่ยม หรือมีเพื่อนมานอนด้วย จึงต้องการห้องนอน 2 ห้อง โดยห้องของคุณแอนเน้นความกว้างใหญ่ มีมุมทำงาน มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนอีกห้องใช้งานไม่บ่อยนัก จึงไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก พร้อมทั้งเป็นคนชอบทำอาหารเอง ห้องครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรต้องมี กิจกรรมเสริมเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ พื้นที่นอกบ้าน สนามหญ้าจึงจำเป็นไว้สำหรับให้น้องหมาได้วิ่งเล่น ความต้องการพื้นฐานของคุณผู้อ่านหละครับ มีอะไรบ้าง เขียนมันลงไปได้เลย
3. กำหนดขนาด : เมื่อทราบความต้องการแล้ว กำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป อยากให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์หาพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมดได้ ผลวิเคราะห์นี้จะทำให้การออกแบบบ้านชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้เราทราบอีกว่า เราควรสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะเหมาะสม หากมีที่ดินอยู่แล้วจำเป็นต้องออกแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แต่หากยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะทำให้เราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่ต้องการ การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการประมาณราคาก่อสร้างได้อีกด้วยครับ
4. กำหนดตำแหน่ง ทิศทาง : การออกแบบผังบ้านที่ดีควรออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อให้การอยู่อาศัยภายในบ้านเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด โดยรวมแล้วจะคำนึงถึงทิศทางของแสงแดด และทิศทางลม โดยแสงแดดจะส่องมากในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่ต้องการแสงมาก เป็นห้องที่ต้องการกำจัดความชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องซักล้าง ส่วนห้องที่ต้องการแสงเพียงพอเหมาะ เช่น ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง เพราะหากแสงมากเกินไปอาจหมายถึงความร้อนที่มากขึ้นเช่นกันครับ
สำหรับทิศทางลม ลมมีสองทิศทางหลัก ทิศเหนือและทิศใต้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล (ทิศใต้มีลมเข้า 8-9 เดือน ทิศเหนือ 2-3 เดือน) ซึ่งหากอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดทางทิศใต้จะค่อนข้างแรงเกือบทั้งวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มเกือบทั้งวัน คนไทยจึงนิยมสร้างบ้านให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ แต่ก็มีจำนวนมากเช่นกันที่เลือกหันหน้าไปทางทิศใต้ เพื่อต้องการรับกระแสลมเกือบตลอดทั้งปี ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดแต่อย่างใด เพราะการใช้งานของแต่ละบ้านนั้นแตกต่างกัน บางท่านอาจออกแบบเพื่อเน้นการใช้ข้างบ้าน , หลังบ้าน ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงด้วยครับ
5. ลองวาดดูซิ : เครื่องมือพื้นฐานที่สุดที่ใช้ในการวาดแปลน คือ ดินสอ + กระดาษ A4 หรือผู้อ่านถนัดใช้เครื่องมือใดก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ ทั้งวาดด้วยมือหรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยก็สามารถทำได้เช่นกันครับ หลักการวาดแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้นึกถึงการมองภาพจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งอาจต้องทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์พื้นฐานกันสักนิด เช่น ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วไป
ทั้งนี้หากผู้อ่านไม่เข้าใจสัญลักษณ์ ก็ไม่เป็นปัญหาใด เพียงแค่วาดและเขียนคำอธิบายประกอบร่วมด้วย ให้พอสื่อสารได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้วครับการออกแบบบ้านด้วยตนเอง ในมุมมองของผู้เขียนจัดเป็นเรื่องราวพื้นฐานที่เราควรต้องศึกษา อันที่จริงควรมีในหลักสูตรการศึกษาไทยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านคือที่อยู่อาศัยเป็นพื้นฐานจำเป็นในการดำรงชีวิต เราควรได้เรียนรู้วิชาพื้นฐานเหล่านี้ เพื่อที่จะได้รองรับกับการใช้ชีวิตจริง สำหรับเนื้อหาชุดนี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ที่หลายๆท่านได้นำไปใช้งานจริง และสามารถสร้างบ้านใน