แบบห้อง loft
แบบห้อง loft สไตล์โมเดิร์น&ลอฟท์ ในงานตกแต่งภายใน คือการนำเอากลิ่นอายหรือจุดเด่นของการตกแต่ง 2 สไตล์ นั่นคือ “โมเดิร์น” และ “ลอฟท์” มาประยุกต์ใช้ในการตกแต่งร่วมกัน กล่าวคือ เป็นการนำเอาลักษณะเด่นของทั้ง 2 สไตล์มาผสมผสานการตกแต่งเพื่อเติมจุดด้อยของกันและกัน จนเกิดเป็นรูปแบบของการตกแต่งแบบใหม่
ซึ่งมีความทันสมัยและดิบเท่ในตัวเอง เป็นสไตล์การแต่งบ้านที่เอาความทันสมัยของเฟอร์นิเจอร์รูปทรงเลขาคณิตมาผสมผสานกับความดิบของวัสดุธรรมชาติ เช่น ลวดลายของไม้ อิฐ ความดิบของปูนเปลือย หรือแม้แต่โชว์งานระบบต่างๆ ของอาคารโดยไม่ปิดซ่อน read more
ลักษณะของงานออกแบบภายในสไตล์โมเดิร์น&ลอฟท์ จะถูกถ่ายทอดผ่านการเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือวัสดุตกแต่งต่างๆ ของทั้ง 2 สไตล์ โดยจะถูกจับมา Mix and Match ให้เข้ากัน โดยอาจจะแบ่งเป็น Loft 60%/Modern 40% หรือ Modern 60%/Loft 40% อยู่ที่ว่าผู้ออกแบบอยากให้สไตล์ไหนถูกถ่ายทอดออกมาโดดเด่นมากกว่ากัน ซึ่งการเลือกว่าจะเอาสไตลไตล์ไหนเป็นหลัก นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ยังเป็นการกำหนดทิศทางการตกแต่งให้มีหลักชัดเจนว่าจะเน้นไปที่โทนไหนมากกว่ากัน เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งกันเด่นจนเกินไป
วัสดุตกแต่งผนังห้องนอนสไตล์ โมเดิร์น&ลอฟท์
1. ผนังอิฐ
- ผนังก่ออิฐโชว์แนว
คือผนังที่มีการก่ออิฐเรียงกัน และไม่มีการฉาบทับ เพื่อต้องการโชว์แนวของอิฐผนังชนิดนี้ จึงไม่มีปูนฉาบหน้า กันความชื้น ดังนั้นในการก่ออิฐโชว์แนวสำหรับผนัง อิฐที่ใช้ในการก่อผนังนั้น จะนิยมใช้ “อิฐมอญ” หรือ อิฐแดง ซึ่งเป็นวัสดุที่ส่วนประกอบมาจาก ดินเหนียว ขี้เถ้าแกลบ ทราย และน้ำ เป็นวัสดุที่นิยมในการก่อสร้างผนัง เพราะเป็นวัสดุที่มีราคาถูก หาง่าย และ แข็งแรง แต่ทั้งนี้ อิฐมอญ หรือ อิฐแดง จะมีจุดด้อยตรงที่ไม่ค่อยดูดซับเสียงและอมความร้อน การเลือกอิฐมอญที่มีลักษณะที่ดี ดูได้จากลักษณะตรง ไม่แอ่นหรือโค้งงอ มีเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน ไม่แตกหัก ขนาดสม่ำเสมอเท่ากันทุกก้อน มีสีส้มอมแดง ไม่ซีด และที่สำคัญคือแข็งแกร่ง ไม่แตกหักง่ายที่พักอุบล
- อิฐสังเคราะห์
ผลิตออกมาเพื่อทดแทนการใช้อิฐมอญหรืออิฐมวลเบาทั่วไป ที่ใช่ดินเผาในเป็นส่วนประกอบ ตัวอย่างเช่น อิฐเทียม ที่ผลิตขึ้นจาก ดินธรรมชาติ 100% ซึ่งบางครั้งเรียกว่า Modified Clay Materials ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ในงานสถาปัตยกรรมและออกแบบภายใน ส่วนประกอบหลักในการขึ้นรูปเป็นดินจากธรรมชาติ ผ่านกระบวนการบีบอัดด้วยความร้อน ทำให้มีแผ่นที่บางเบา อิฐเทียมประเภทนี้จะมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความทนทาน ไม่ดูดซึมน้ำ และไม่เป็นฉนวนนำไฟ และจุดเด่นที่สำคัญคือ สามารถดัดโค้งตามโครงสร้างต่างๆ ได้ดี
- วอลเปเปอร์ลายอิฐ
อีกหนึ่งวัสดุที่หาได้ง่ายและนิยมนำมาใช้กับงานตกแต่งผนังคือ วอลเปเปอร์ลายอิฐ เพราะเป็นวัสดุที่หาซื้อได้ง่าย เปลี่ยนได้ง่าย มีให้เลือกหลายสีหลายแบบ รวมไปถึงแบบ 3D ที่มีพื้นผิวและลายที่เลียนแบบผนังอิฐจริงได้ค่อนข้างใกล้เคียง วัสดุที่มักจะนำมาทำเป็นวอลเปเปอร์ลายอิฐ เช่น วอลล์เปเปอร์ไวนิล วอลเปเปอร์ผิวโฟม วอลเปเปอร์ไฟเบอร์
2. ผนังปูนเปลือย
- ปูนเปลือย
หรือผนังที่โชว์เนื้อแท้ของงานปูนโดยไม่ทาสีทับ ซึ่งผนังปูนเปลือยแบบดั้งเดิม จะทำโดยการนำปูนไปหล่อในแม่พิมพ์ไม้ หรือโลหะ แล้วทิ้งให้ปูนเซ็ทตัว เมื่อถอดแบบออกจะมีร่องรอยของแบบตามวัสดุที่เลือกใช้บนผิวของผนังปูน เช่น รอยน็อต รอยตะปู หรือลายของไม้ มีความดิบเท่ที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างยุ่งยาก และใช้งบประมาณมาก ปัจจุบันช่างส่วนมากจึงนิยมก่ออิฐแดงฉาบปูนธรรมดา แล้วฉาบตกแต่งผิวให้มีลักษณะตามที่ต้องการ ซึ่งผนังจะออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉาบ วัสดุที่ใช้ และฝีมือของช่าง
5 ขั้นตอนแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ แบบไม่ต้องลงทุนเยอะ
เสน่ห์ของการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ที่ทำให้หลายคนตกหลุมรักก็คือบรรยากาศของความเท่ที่อบอวลไปด้วยความดิบของตัววัสดุที่ใช้ในการตกแต่งอย่างอิฐ ไม้ ปูนเปือย สำหรับใครที่อยากมีห้องนั่งเล่นเท่ๆที่เหมือนได้นั่งอยู่ในบาร์ใต้ดินที่ลอนดอน หรืออยากแต่งห้องอาหารที่เหมือนได้กำลังนั่งดื่มในบาร์ของประเทศยุโรป หรืออยากเปลี่ยนสไตล์ห้องนอนให้ดูเป็นสไตล์ Loft แบบโรงแรมในยุโรปตะวันตก การแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ที่ให้ทั้งความดิบแต่แฝงความเรียบง่ายเอาไว้จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี
บทความนี้จะมาแนะนำเทคนิค 5 ข้อที่คุณสามารถนำไปใช้ในการตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ได้แบบที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะๆอย่างที่รู้กันว่าการแต่งบ้านในสไตล์ลอฟท์นั้นไม่เคยล้าสมัย ถ้าใครที่ชอบดูแบบบ้านจะสังเกตว่าการแต่งบ้านแนวนี้เป็นสไตล์ที่ไม่เคยเอ้าท์ไปเลย และมันได้รับความนิยมมากขึ้นอีกด้วย หลายคนอาจจะคิดว่าห้องสไตล์นี้แต่งยากและแพง แต่ไม่เลย ไปดูเคล็ดลับง่ายๆทั้ง 5 ข้อมาบอกกัน
1. เริ่มต้นจากโทนสีที่ใช่ก่อน
หลายๆคนอาจจะเข้าใจผิดว่าการแต่งบ้านในสไตล์ลอฟท์ต้องเริ่มต้นจากการเลือกวัสดุ แต่อันที่จริงแล้วการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ควรเริ่มต้นจากโทนสีที่ต้องการเสียก่อน จึงค่อยเลือกหาวัสดุที่มีโทนสีตรงกับที่เราดีไซน์เอาไว้มาตกแต่งในภายหลัง สำหรับการตกแต่งสไตล์ Loft ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่สี ดำ เทา ขาว ครีม และสีน้ำตาลของไม้ เป็นสีหลักๆเลยก็ว่าได้ เมื่อเลือกโทนสีที่ชอบได้แล้ว ขั้นตอนถัดไปจึงค่อยเลือกหาวัสดุที่มีโทนสีตรงกับที่เราต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องลายไม้ กระเบื้องลายอิฐ หรือปูนเปือย นอกจากวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งแล้ว การเลือกเฟอร์นิเจอร์ก็ต้องให้คุมโทนสีเหล่านี้ไว้ด้วยเช่นกัน เฟอร์นิเจอร์ที่จะเข้ามาอยู่ในห้องจะต้องตรงกับดีไซน์โดยรวมของห้องด้วย ถ้าเน้นการใช้สีเข้มในการตกแต่งโครงสร้างบ้าน กำแพง ผนัง แล้วก็ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์สีอ่อนลงเพื่อให้ห้องไม่ทึบเกินไป อย่างผนังดิบๆเราสร้างเองได้ อาจจะใช้เป็นวอลเปเปอร์ที่ให้สีสันเหมือนจริงแทนการฉาบปูนใหม่ หรือถ้ามีงบประมาณสูงขึ้นมาหน่อยก็อาจจะเลือกใช้อิฐจริงแทนก็ได้
2. งานเหล็กต้องมา งานไม้ต้องมี
เมื่อได้โทนสีที่ต้องการแล้ว คราวนี้ก็มาถึงวัสดุที่จะเลือกใช้กันบ้าง เหล็กและไม้เป็น 2 วัสดุที่ช่วยดึงความลอฟท์หนักๆออกมาได้มาก วัสดุหลักของการแต่งบ้านสไตล์นี้นอกจากเหล็กและไม้แล้วยังมี อิฐ ปูน และสีโทนเข้มๆ ที่สามารถเลือกมาประกอบการตกแต่งได้ด้วย นอกจากวัสดุที่ใช้แล้ว ลำดับถัดมาก็คือ เฟอร์นิเจอร์ ที่หลายๆคนน่าจะนึกภาพออกเร็วๆก็คงจะหนีไม่พ้น โซฟาหนังสีน้ำตาลแก่ๆ หรือถ้าเป็นหนังที่ฟอกให้ดูเก่าๆแบบคลาสสิคก็สวยมากๆเช่นกัน
นอกจากนั้นงานไม้ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ห้องสไตล์ Loft ขาดไม่ได้เลย เราแนะนำเฟอร์นิเจอร์ไม้เทียมที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับไม้จริง ที่สำคัญทำความสะอาดง่ายและไม่ต้องดูแลรักษาให้ยุ่งยาก อย่างเช่น โต๊ะไม้ ตู้โชว์ไม้ ที่มีความผสมผสานระหว่างงานไม้และงานเหล็กได้อย่างลงตัวจัดสวนหน้าบ้านสไตล์โมเดิร์น
3. เฟอร์นิเจอร์พระเอกของห้องนอน
ถ้าเป็นห้องนอน แน่นอนว่าคงไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดที่จะโดดเด่นไปกว่าเตียงนอนและตู้เสื้อผ้าอีกแล้ว ทั้งสองชิ้นนี้คือพระเอกของห้องนอน และถ้าอยากจะแต่งห้องนอนให้ออกมาดูมีความเท่ในแบบลอฟท์ก็ควรจะให้ความสำคัญกับทั้งคู่ด้วย ควรเลือกเตียงนอนและตู้เสื้อผ้าที่ใช้วัสดุที่สื่อถึงความเป็น Loft เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นไม้หรือหนังก็ตาม
หรือถ้ามีงบประมาณเหลือก็อาจจะลองเพิ่มโซฟาเข้าไปในห้องนอนด้วยก็ได้ ให้เน้นเลือกโซฟาหนังสีเข้มๆอย่างภาพตัวอย่างนี้ที่เป็นโซฟาบาเซลโลมีการบุเพิ่มลูกเล่นเพิ่มเข้าไปด้วย ทำให้ดีเทลมา ดูมีความเท่เหมือนกำลังเดินอยู่ในตลาดนัดขายงานศิลปะเลยทีเดียว ส่วนเตียงนอนนั้น ก็เลือกที่นอนที่วัสดุมีลายไม้ หรือขาตั้งเป็นเหล็ก แบบเตียงนอน 5 ฟุต รุ่นรักเก็ต ที่ขาเตียงดีไซน์มาแบบเท่ และทันสัมย เท่านี้ก็เพิ่มความลงตัวในแบบ loft ได้แล้ว
4. โคมไฟ เพิ่มแสงในมุมพิเศษ
การเลือกใช้โคมไฟกับการแต่งห้องในสไตล์ลอฟท์นี้ไม่ได้ยากเหมือนที่หลายๆคนคิด มีดีไซเนอร์หลายๆคนที่เลือกโคมไฟแบบโมเดิร์นมาแต่งห้องในสไตล์ลอฟท์ได้เช่นเดียวกัน เน้นตัวที่มีการออกแบบแนวโปร่งๆ หรือ มินิมอล เล็กน้อยจะเหมาะมาก ข้อควรระวังหนึ่งอย่างสำหรับการเลือกโคมไฟในห้องสไตล์ลอฟท์คือ “ความมืด”
เพราะปกติการแต่งห้องสไตล์นี้มักจะเลือกใช้ของตกแต่งสีเข้มๆ ผนนังสีเข้มๆ ทำให้ห้องมักจะมืด ดังนั้นควรมีการเลือกโคมไฟที่ให้แสงสว่างได้มากรวมถึงการเพิ่ม “โคมไฟ” ไว้ตามมุมต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ห้องมืดจนเกินไปและยังเป็นการสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่มากขึ้นด้วย
5. เฟอร์นิเจอร์ที่ดีต้องมีฟังก์ชั่น
มาถึงข้อสุดท้ายและเป็นข้อที่หลายๆคนมักจะหลงลืมไปนั่นก็คือการคำนึงถึงการใช้งานจริงด้วย หลายๆครั้งที่สามารถแต่งบ้านในสไตล์ลอฟท์ได้อย่างสวยงาม ดูเท่อย่างที่ตั้งใจ แต่เมื่อต้องเข้าไปอยู่จริงๆแล้วรู้สึกไม่ถนัด หรือใช้ชีวิตไม่สะดวก ดังนั้นการแต่งบ้านในสไตล์ลอฟท์ (จริงๆแล้วก็ทุกสไตล์) ไม่ใช่แค่ดีไซน์กับเลือกวัสดุที่ดูสวยงาม ดูเท่ เท่านั้นแต่ยังต้องดีไซน์พื้นที่และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่อำนวยต่อการใช้งานจริงด้วย
ฟังก์ชั่นต่างๆของเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกมานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของการจัดเก็บที่ห้องสไตล์ Loft นั้นต้องดูโปร่ง โล่งอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นจึง “ห้ามรก” โดยเด็ดขาด การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดีไซน์โปร่งแต่จุมาก จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ต้องใส่ใจเลยทีเดียว อย่างเตียงนอนรุ่นฮาร์ช ที่ออกแบบเพิ่มฟังชั่นก์การจัดเก็บที่หัวเตียง สามารถเก็บหนังสือเล่มโปรดหรือแท็บเล็ตได้ หรือโต๊ะคอนโซลกระจก รุ่นกรุ๊ฟ ที่มีถาดวางของมาพร้อมกับตัวตู้ สามารถเคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยนการวางได้ ทำให้เพิ่มพื้นที่การจัดเก็บได้มากยิ่งขึ้น