บ้านใหม่พร้อมอยู่ ภูเก็ต บ้านติดทะเล ก่อนซื้อบ้านใหม่ จะต้องนึกถึงอะไรบ้าง?
บ้านใหม่พร้อมอยู่ ภูเก็ต บ้านติดทะเล บ้านจัดสรรภูเก็ต สำหรับการซื้อบ้านใหม่แต่ละครั้ง ในตอนนี้ก็จะมีแผนการหมู่บ้านจัดสรรขึ้นใหม่มากมาย ซึ่งต่างก็จะมีบ้านมากมายต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านผู้เดียว, บ้านฝาแฝด, ทาวน์โฮม ซึ่งสำหรับในการซึ้อบ้านต่างๆก็จะมีสาเหตุแนวทางในการเลือกซื้อที่แตกต่างออกไป
โดยเหตุสำหรับเพื่อการเลือกซื้อบ้านใหม่ส่วนมากแล้วจะเลือกมองจาก ทำเลของแผนการ, พื้นที่ใช้สอย ต้นแบบบ้านที่ตรงกับความอยาก รวมถึงราคา รวมทั้งโปรโมชั่นต่างๆรวมทั้งที่สำคัญก็คืองบประมาณสำหรับเพื่อการซื้อบ้านใหม่ ซึ่งสำหรับในการเลือกมองแผนการหมู่บ้านจัดสรร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนการใหม่ๆที่ยังสร้างไม่เสร็จ phuket villa ที่ชอบมีโปรโมชั่นลดในตอนพรีเซลส์ พวกเราก็จะต้องเลือกซื้อด้วยการเข้าไปมองโครงงานรวมทั้งสถานที่จริง รวมถึงการตรวจตราข้อมูลของโครงงาน และก็ปริมาณลักษณะของบ้านในโครงงาน ว่ามีแบบใดบ้าง เนื่องจากบางโครงงานก็จะประกอบไปด้วยตัวบ้านที่มากมายในราคาที่ไม่เหมือนกันออกไป
นอกเหนือจากนี้ยังมีเรื่องมีราวของการใช้อุปกรณ์เกรดแบบไหนสำหรับในการก่อสร้างบ้าน ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่พวกเราควรจะคิดถึงสำหรับเพื่อการซื้อบ้านแผนการแต่ละครั้ง โดยในเนื้อหานี้พวกเราจะมากล่าวถึงข้อควรจะทราบเกี่ยวกับวิธีสำหรับการเลือกซื้อบ้านใหม่ ตลอดจนปัญหาข้อบกพร่องที่มือใหม่ควรจะทราบสำหรับในการซื้อบ้านใหม่มาให้ได้อ่านกัน
ข้อควรระวังสำหรับการเลือกซื้อบ้านใหม่มีอะไรบ้าง
สำหรับเพื่อการซื้อบ้านใหม่ในแต่ละครั้ง พวกเราจะต้องคำถึงต้นเหตุสำหรับเพื่อการเลือกซื้อบ้านใหม่จากที่เกริ่นไปแล้วในข้างต้นอาทิเช่น ทำเล, พื้นที่โครงงาน, เครื่องอำนวยความสะดวก ตลอดจนด้านราคา , การติดต่อ ต่างๆดังต่อไปนี้
1. ทำเลรวมทั้งงบประมาณ
สำหรับคนซื้อมือใหม่ สถานที่สำหรับเพื่อการเลือกซื้อนับว่าเป็นสาระสำคัญที่ควรจะพินิจพิเคราะห์เป็นอย่างยิ่ง โดยสำหรับมือใหม่ที่ต้องการซื้อบ้าน ควรจะพิจารณาถึงทำเลที่ตั้งสำหรับเพื่อการซื้อบ้าน ที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน หรือใกล้กับแหล่งการติดต่อสื่อสารต่างๆที่เดินทางได้สบายดังเช่นว่า ใกล้กับที่ทำการ สถานที่ทำงาน สถานศึกษา ชุมชน
รวมทั้งมีแหล่งวิถีทางการเดินทางที่นานาประการ ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ใกล้กับรถไฟฟ้า ซึ่งในตอนนี้ก็มีรถไฟฟ้าผ่านหลายสาย หรือติดถนนหนทางทางพิเศษซึ่งสามารถขับขี่รถทะลุผ่านได้หลายเส้น village phuket ทำให้เดินทางไปไหนได้สบายมากเพิ่มขึ้น
แต่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าเกิดเป็นทำเลที่ตั้งที่อยู่ในพื้นที่เขนเมืองที่มีความสบายสูง ก็จะราคาแพงที่สูงตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น โซนสุขุมวิท, อ่อนนุช, หรือไกลออกมาหน่อยแต่ว่ายังเป็นทำเลที่ตั้งที่มีพื้นที่รวมทั้งมีความเจริญก้าวหน้าอยู่ยกตัวอย่างเช่น โซนราม 2 หรือเขตชานเมือง ซึ่งจะแพงที่ต่ำลงมาจากทำเลที่ตั้งที่มีความสบายสบายสูงอย่างในเมือง
ซึ่งสำหรับคนไหนที่กำลังมองหาทำเลที่ตั้งสำหรับในการซื้อบ้าน พวกเราก็ขอชี้แนะว่าให้เลือกมองจากงบประมาณของตนเป็นหลักด้วย เหตุเพราะทำเลที่ตั้งที่มีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก จะเริ่มอยู่ที่โดยประมาณ 2-3 ล้านบาท และก็ตอนราคาโดยประมาณ 3-5 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่ในโซนตอนที่มีความใกล้กับเขตเมืองขึ้นมาหน่อย มีความสบายสบายสูง หรือเป็นห้องแผนการที่มีความกว้างหรือบ้านข้างหลังใหญ่ที่มีปริมาณห้องมากมายหรือพื้นที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
2. ตรึกตรองจากตัวแบบบ้านหรือทิวทัศน์ของโครงงาน
ภาพรวมของแผนการ รวมถึงตัวบ้านตั้งแต่แบบแปลนบ้าน ตัวห้อง ขนาดของบ้าน รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับช่วยในด้านสำหรับอำนวยความสะดวกรอบๆของแผนการดังเช่น สระว่ายน้ำ, พื้นที่ดำเนินการ, ฟิตเนส ว่าของแท้เป็นยังไงอย่างกับรูปแบบอย่างที่นำภาพมาประชาสัมพันธ์ไหม ไม่ใช่เพียงแค่มองจากภาพถ่ายที่เอามาประกอบสำหรับในการประชาสัมพันธ์แค่นั้น
รวมถึงการดูในส่วนของสถานที่รอบๆของแผนการว่ามีความปลอดภัยเท่าไร มีทางการขนส่งคืออะไรบ้าง ใกล้ถนนหนทางสายไหน หากว่าไม่มีรถยนต์เป็นของตนเอง ก็ควรจะคิดถึงว่าโครงงานมีบริการรับส่งระหว่างหมู่บ้านไปยังสถานที่จอดรถสาธารณะหรือเปล่า เพื่อความสบายสำหรับการพักอาศัยในอนาคต
นอกเหนือจากภาพรวมของโครงงานแล้วยังควรจะมองในส่วนของต้นแบบบ้านที่เหมาะสมกับการพักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแบบแปลนบ้านในโครงงานว่ามีการจัดระบบเช่นไร SALE VILLA ตัวบ้านที่เลือกมีความปลอดภัยเท่าไร เข้าไปลึกไหม มีการจัดระบบของแนวทางตัวห้องเป็นเยี่ยงไร แนวทางการเข้าของลมแล้วก็แสงอาทิตย์ รวมถึงลักษณะแล้วก็พื้นที่การใช้สอยของห้องต่างๆว่าเป็นไปตามที่อยากได้หรือเปล่า เพื่อเหมาะสมกับการพักอาศัยก่อนที่จะคิดที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ
3. ตรวจตราสิ่งของตัวบ้านที่โครงงานเลือกใช้
เว้นแต่เรื่องทำเลที่ตั้งแล้วก็แบบอย่างบ้านรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบๆรอบๆของโครงงานแล้ว คนซื้อบ้านมือใหม่ยังคงจำเป็นต้องคิดถึงสิ่งของที่โครงงานเลือกใช้เพื่อการทำบ้านอีกด้วย ว่าโครงงานใช้อุปกรณ์อะไร โดยบางทีอาจจะกระทำการตรวจตราจากรีวิว หรือตัวสินค้าสำคัญๆที่เลือกใช้เป็นต้นว่า โถเครื่องสุขภัณฑ์ฯลฯ
เพื่อกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคต หรือถ้าเกิดคนใดกันแน่การขึ้นใหม่ที่เป็นของบริษัทที่มีความน่านับถือหรือเป็นที่รู้จักในด้านของโครงงานบ้านอยู่แล้ว ก็บางครั้งอาจจะวิเคราะห์ได้จากอุปกรณ์ที่บริษัทนี้เลือกใช้จากแผนการอื่นๆว่ามีการเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับเพื่อการก่อสร้างบ้านประสิทธิภาพคืออะไรบ้าง เพื่อปกป้องปัญหาของบ้านที่อาจจะมีการเกิดตามมาในอนาคต
4. ค่าครองชีพที่จำเป็นจะต้องเกี่ยวกับการซื้อบ้าน
นอกเหนือจากในส่วนของตัวบ้านแผนการแล้ว สิ่งที่ควรจะนึกถึงก็คือค่าใช้สอยที่จำเป็นที่จะต้องใช้ก่อนวันโอนบ้าน ที่นอกจากค่าเงินผ่อนกับแบงค์ ดังต่อไปนี้
- – ค่าโอนจองบ้าน : บ้านแต่ละโครงงานจะมีการให้ทำข้อตกลงสำหรับเพื่อการโอนจองบ้าน ที่จะมีค่าจองกับทางโครงงานอยู่ที่ราวข้างหลังละ 5,000 บาท สำหรับบ้านที่ราคาแพงราวๆ 2.5 ล้าน
- – เงินสำหรับดาวน์บ้าน : เงินในส่วนนี้จะเป็นเงินที่ผู้บริโภคบ้านจำเป็นต้องกระทำการจ่ายเป็นงวดๆให้กับแผนการบ้านใหม่ที่ซื้อ ซึ่งจำนวนเงินดาวน์ทางแผนการจะกำหนดมาให้ในคำสัญญา โดยส่วนมากแล้วปริมาณดาวน์บ้านจะอยู่ที่ราว 5-10% ของราคาบ้านที่ซื้อ และก็ผู้บริโภคจะได้รับเงินปริมาณนี้คืนหลังจากที่กระทำโอนรับบ้านเป็นที่เป็นระเบียบแล้ว
- – ค่าจำท่วมบ้าน : ในส่วนของค่าจำท่วมบ้านนั้น คนซื้อบ้านใหม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายเป็นปริมาณ 1% ของจำนวนเงินกู้
- – ค่าสัญญาประกันภัยบ้าน : เมื่อทำความตกลงการซื้อบ้านเป็นระเบียบแล้ว โดยชอบด้วยกฎหมายคนซื้อต้องทำรับรองประกันวินาศภัยหรือไฟไหม้ โดยจะมีการคิดค่าสัญญาประกันภัยตามค่าของบ้านแต่ละข้างหลัง โดยราคาเริ่มของเบี้ยประกันจะอยู่ที่ 1,000 บาทถัดไป เป็นต้นไป
- – ค่าจัดตั้งมอนิเตอร์น้ำไฟ : สำหรับโครงงานบ้านใหม่ ทางแผนการจะมีการชำระเงินล่วงหน้าสำหรับค่าจัดตั้งมอนิเตอร์น้ำไฟให้กับลูกบ้านเป็นระเบียบแล้ว แม้กระนั้นภายหลังเมื่อกระทำซื้อบ้านและก็ย้ายเข้ามาอยู่ทางแผนการก็จะกระทำการเรียกเก็บค่ามอนิเตอร์น้ำไฟกับลูกบ้านในตอนหลัง โดยอัตราค่ามอนิเตอร์กระแสไฟฟ้าจะขึ้นกับขนาดของมอนิเตอร์ โดยคิดจากอัตราค่าน้ำไฟจากที่การไฟฟ้าแล้วก็น้ำประปาระบุ
- – ค่าศูนย์กลาง : สำหรับรายจ่ายศูนย์กลางของโครงงานบ้านใหม่ ตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำ, ห้องรับแขก หรือพื้นที่ศูนย์กลางที่ใช้ด้วยกันในหมู่บ้าน โดยธรรมดาแล้วค่าศูนย์กลางของแผนการหมู่บ้านจัดสรร จะคิดจากขนาดบ้านเป็นหลัก โดยจะคิดค่าศูนย์กลางอยู่ที่ราว 29-200 บาทต่อตารางวา โดยนำอัตราค่าสำหรับบริการที่แผนการระบุมาคูณกับขนาดบ้าน ก็จะเป็นราคาที่จำเป็นต้องจ่ายค่าศูนย์กลางต่อเดือน ซึ่งแต่ละโครงงานก็จะมีเงื่อนไขการจ่ายค่าศูนย์กลางที่ต่างกัน บางโครงงานบางครั้งอาจจะให้จ่ายล่วงเป็นทุกปี หรือ 2-3 ก็ได้เหมือนกัน
- – งบประมาณเครื่องเรือน ของสำหรับใช้ในการตกแต่งบ้าน : อีกหนึ่งส่วนท้ายที่สุดสำหรับค่าครองชีพก็คือ เครื่องเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ในบ้านที่จำเป็นต้อง ไม่ว่าจะเป็นตู้แช่เย็น, เครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ, ตู้, โต๊ะแต่งตัว, เตียง รวมถึงของต่างๆที่ใช้สำหรับการตกแต่งบ้านต่างๆที่จะต้องซื้อเพิ่มข้างหลังย้ายเข้ามาอยู่เป็นระเบียบแล้ว
5. เทียบแล้วก็เรียนข้อมูลเนื้อหาของโครงงาน
สำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้านใหม่ หรือแผนการสร้างใหม่สิ่งที่ควรจะคิดถึงก็คือการเรียนรู้ข้อมูลและก็ทำเทียบเนื้อหาของบ้านแต่ละแผนการ โดยสามารถเลือกตรงสอบได้จากเว็บของโครงงานโดยตรงซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ว่าโครงงานนั้นเป็นของบริษัทอะไร โดยเริ่มการตรวจทานรายละเอียดที่ได้มาจากโครงงานบ้านก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
รวมถึงการวิเคราะห์เนื้อหาของโครงงานว่ามีต้นแบบเป็นเยี่ยงไรบ้าง บ้านภูเก็ต ขนาดและก็ปริมาณห้อง ทำเลที่ตั้ง แบบแปลนบ้าน ซึ่งโดยธรรมดาแล้วเว็บแผนการบ้านส่วนมากจะสามารถรับดูเนื้อหาตัวบ้านได้อย่างเปรียบเสมือนจริงผ่านทางรูปภาพแบบสามมิติในเว็บของแผนการ
นอกเหนือจากนี้พวกเรายังสามารถเทียบแผนการบ้านใหม่ แต่ละที่ได้จากเว็บที่เป็นตัวกลางสำหรับในการซื้อขายแลกเปลี่ยนบ้านใหม่ ซึ่งในเว็บจะประกอบไปด้วยข้อมูลแผนการบ้านตั้งแต่เก่าไปจนกระทั่งโครงงานสร้างใหม่ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีบ้านมือสอง และก็ข้อมูลต่างๆที่ควรจะทราบเกี่ยวกับการซื้อบ้าน ไม่ว่าจะเป็นข้อแนะนำ การคำนวณสินเชื่อเงินกู้ยืมบ้าน รวมทั้งรีวิวโครงงานต่างๆแบบเจาะลึกให้เข้าไปเปรียบกันได้ก่อนที่จะคิดที่จะตัดสินใจซื้อ
6. ความน่าวางใจของแผนการ
ความน่าไว้วางใจของโครงงาน ก็เป็นอีกหนึ่งจำสำคัญสำหรับเพื่อการเลือกซื้อบ้านใหม่ ที่พวกเราไม่สมควรละเลยเหมือนกัน ด้วยเหตุว่าในตอนนี้มีโครงงานบ้านใหม่ๆขึ้นมามาก ให้เลือกเฟ้นค์เยอะไปหมด วันนี้พวกเราก็เลยจะพาไปดูกันว่า การเลือกโครงงานที่มีความน่าไว้วางใจจำเป็นที่จะต้องมองจากอะไรบ้าง
- – เลือกโครงงานบ้านใหม่พร้อมที่ดินจัดแบ่ง ที่มีใบอนุญาติโครงงานจากที่ทำการที่ดินโดยข้อบังคับแล้วเท่านั้น ซึ่งธรรมดาจะเลือกซื้อจากแผนการที่เป็นที่รู้จักในเรื่องบ้านใหม่อยู่แล้ว หรือสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเองที่ ที่ที่ทำการที่ดิน หรือกรมที่ดินในจังหวัดท้องที่ หรือติดต่อผ่านเบอร์โทร 222-6824 รวมทั้ง 222-3271
- – ขอตรวจดูแผนผังพื้นที่แผนการว่าตรงกับการโฆษณาที่โครงงานบอกไว้ไหม หรือไปดูทำเลที่ตั้งสถานที่จริงที่แผนการเองเลยว่ามีความใกล้เคียงกับสถานที่ใด ใกล้กับการขนส่งสาธารณะการติดต่อสื่อสารอะไรบ้าง ใกล้กับทางถนนหนทางเส้นไหนบ้าง และก็มีอุปกรณ์สำหรับอำนวยความสะดวก รูปกางของตัวบ้านและก็สิ่งของที่ใช้ตรงกับความปรารถนาหรือเปล่า
- – อ่านเนื้อหาคำสัญญาการค้าขายอย่างละเอียดละเอียดลออ แล้วก็ทำเขียนข้อตกลงทะเบียนกับข้าราชการแผนการที่มีความน่าไว้วางใจ รวมถึงอ่านเนื้อหาข้อตกลงการปกป้องบ้านของแผนการรวมทั้งเนื้อหาต่างๆรวมทั้งสิทธิที่กำลังจะได้รับให้ได้อย่างแจ่มแจ้งแล้วก็รอบคอบก่อนที่จะทำการตัดสินใจเซ็นสัญญาอะไรก็ตามลงไป
ข้อควรพิจารณาระหว่างแผนการบ้านใหม่ที่เป็นรอบจอง ที่กำลังก่อสร้าง กับบ้านใหม่พร้อมอยู่ มีข้อระวังแตกต่างกันหรือเช่นเดียวกันอย่างไรบ้าง
สำหรับในการซื้อบ้านของแผนการบ้านใหม่ ที่เปิดให้ซื้อเป็นรอบจองหรือในตอน Presale ก่อนตอนขายจริง แน่ๆว่าเป็นช่วงๆที่แผนการกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และก็รอบแบบธรรมดาที่เป็นบ้านพร้อมอยู่ของโครงงาน
ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ต่างก็มีจุดเด่นรวมทั้งข้อควรไตร่ตรองก่อนเลือกซื้อที่เช่นเดียวกันเป็นในส่วนของทำเล ตัวบ้าน ราคา เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับช่วยในด้านสำหรับอำนวยความสะดวก พื้นที่รอบๆรอบโครงงาน การขนส่ง รวมทั้งความปลอดภัยของแผนการ แม้กระนั้นในเวลาเดียวกัน แผนการบ้านใหม่ที่เป็นรอบจอง ที่กำลังก่อสร้างยังมีข้อควรไตร่ตรองสำหรับในการเลือกซื้อที่ไม่เหมือนกันมากขึ้นมา ดังต่อไปนี้
1. การตรวจดู EIA ของโครงงาน
แม้ว่าจะแพงถูกกว่าการซื้อบ้านแผนการพร้อมอยู่ แม้กระนั้นก็มีการเสี่ยงที่ยังมิได้รับการตรวจตรา EIA หรือที่เรียกกันว่าใบอนุมัติแบ่งสรร ที่บ้านข้างหลังที่มีขนาดเกิน 100 ไร่ขึ้นไปควรต้องกระทำยื่นขอ ซึ่งจำนวนมากแล้ว โครงงานที่อยู่ในตอนระหว่างการก่อสร้างจะยังมิได้ทำขอวิเคราะห์ EIA จนกระทั่งผ่าน
ทำให้มีการเสี่ยงสูงที่แผนการจะไม่ผ่านการตรวจสอบ EIA นั่นเอง เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องตรวจดูเกี่ยวกับตัวโครงงานให้ดีว่ามีความน่าไว้ใจหรือโครงงานอื่นๆที่ทำผ่านแผนการมีปัญหาพวกนี้อยู่หรือเปล่า โดยบางทีอาจจะตรวจทานได้จาก เว็บที่ทำการแนวนโยบายรวมทั้งแผนทรัพยากรธรรมชาติรวมทั้งสภาพแวดล้อม
2. ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการก่อสร้าง
อีกอย่างหนึ่งที่ควรจะคิดถึงสำหรับในการซื้อบ้านที่อยู่ในตอนระหว่างการก่อสร้างก็คือ ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการก่อสร้างของโครงงาน อาจมีการเปลี่ยนแปลงให้มีความชักช้าขึ้นกว่าที่ระบุเอาไว้ได้เหมือนกัน ด้วยเหตุดังกล่าวจะต้องสำรวจความน่านับถือและก็คุยกับแผนการให้ดี รวมถึงถามไถ่ความก้าวหน้า แล้วก็ไปตรวจดูความก้าวหน้าของแผนการจริงเป็นระยะ